ยังคงเป็นปัญหาหนักใจทั้งคนที่จะซื้อและคนขายบ้านมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อตัวเลขของการถูกปฎิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินยังอยู่ในระดับสูง แต่ถ้าได้ทำตาม 4 ขั้นตอนง่ายๆ ที่ใครก็สามารถทำได้ เพื่อให้การขอสินเชื่อบ้านผ่านได้อย่างสบาย ดังนี้
1.สร้างประวัติเป็นลูกหนี้ที่ดี ผ่อนตรงตามกำหนด ไม่ผิดนัดชำระหนี้ ไม่ค้างชำระหนี้ แต่ถ้าเคยมีปัญหาค้างชำระหนี้ ต้องจัดการชำระหนี้ให้หมดก่อนการยื่นกู้อย่างน้อย 1 ปี และไม่ควรสร้างหนี้ใหม่อื่นๆเพิ่ม
2.เตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆให้พร้อม ซึ่งสถาบันการเงินมักจะกำหนดให้ผู้ที่จะขอกู้ต้องนำหลักฐานเอกสารดังนี้
-หลักฐานประจำตัว ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน, บัตรประจำตัวประชาชน, ทะเบียนสมรส หรือทะเบียนหย่า หรือใบมรณะบัตร (ถ้ามี) , สำเนาเปลี่ยนชื่อ สกุล (ถ้ามี)
-หลักฐานเกี่ยวกับรายได้ กรณีเป็นผู้มีรายได้ประจำ(ทำงานบริษัท) ได้แก่ ใบรับรองเงินเดือน, สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน, สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร กรณีประกอบอาชีพส่วนตัว-อาชีพอิสระ(ฟรีแลนซ์, ค้าขาย, รับจ้างทั่วไป) ได้แก่ สำเนาทะเบียนการค้า หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล, บัญชีเงินฝาก พร้อม statement ย้อนหลัง 6 เดือน และหลักฐานรายได้หรือทรัพย์สินอื่นๆ (ถ้ามี)
-หลักฐานเกี่ยวกับหลักทรัพย์และการซื้อขาย ได้แก่ สำเนาโฉนดที่ดิน หรือสำเนาหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุด, แผนที่แสดงทำเลที่ตั้งของที่ดินหลักประกัน, สำเนาสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญามัดจำ, หากเป็นกรณีการซื้อห้องชุด ต้องมีสำเนาหนังสือสำคัญการจดทะเบียนอาคารชุด และรายละเอียดทรัพย์ส่วนบุคคล และทรัพย์ส่วนกลาง
-หลักฐานอื่นๆเพิ่มเติม เช่น กรณีขอกู้เพื่อการปลูกสร้างหรือต่อเติมอาคาร ก็ต้องมีแบบก่อสร้างอาคาร, หนังสืออนุญาตปลูกสร้างหรือต่อเติมอาคาร, หนังสือสัญญาจ้างปลูกสร้างหรือต่อเติมอาคาร หรือในกรณีกู้เพื่อไถ่ถอนจำนอง ก็ต้องมีสัญญากู้เงินและสัญญาจำนองจากสถาบันการเงินเดิม, statement การผ่อนชำระค่างวด ใน 6 เดือนสุดท้าย
นอกจากนี้ในกรณีที่มีผู้กู้ร่วม ก็จะต้องแสดงหลักฐานของผู้กู้ร่วมด้วย ทั้งหลักฐานส่วนตัว และหลักฐานรายได้ เป็นต้น
3.ต้องไม่มีหนี้เกินสัดส่วนที่ธนาคารกำหนด โดยส่วนใหญ่จะกำหนดให้ภาระหนี้ผ่อนบ้านไม่ควรเกิน 1 ใน 3 ของรายได้ และเมื่อรวมกับภาระหนี้อื่นๆแล้วก็ไม่ควรเกิน 40-50% ของรายได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงินจะพิจารณา
4.มีเงินเก็บ(หรือเงินดาวน์บ้าน) อย่างน้อย 20% ของราคาบ้านที่จะซื้อ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสถาบันการเงินจะให้วงเงินสินเชื่อประมาณ 80-85% ของมูลค่าประเมินหรือราคาซื้อขายบ้าน (แล้วธนาคารกำหนด) แต่ก็มีวงเงินสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยบางประเภท เช่น สินเชื่อเพื่อสวัสดิการของพนักงานรัฐวิสาหกิจ, ข้าราชการ หรือพนักงานบริษัทที่เข้าร่วมโครงการกับธนาคาร ซึ่งอาจจะให้วงเงินกู้สูงถึง 90-100% และถึงแม้จะได้วงเงินกู้สูงจนแทบจะไม่ต้องใช้เงินดาวน์เลยก็ตาม แต่ถ้ามีเงินเก็บหรือเงินออมก็อาจเพิ่มเครดิตที่ดีสำหรับการพิจารณาปล่อยกู้ได้ เพราะแสดงถึงความมีวินัยทางการเงินที่ดี
สำหรับกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งไม่มีหลักฐานแสดงแหล่งที่มาของรายได้ ควรจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายประจำวัน รวมทั้งเปิดบัญชีเงินฝากและออมเงินเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำมาใช้เป็นหลักฐานให้ธนาคารเห็นว่ามีรายได้ มีเงินออมในแต่ละเดือนเป็นอย่างไร
เพียงเท่านี้ก็จะทำให้การขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านผ่านได้อย่างสบายๆแล้วล่ะ
ที่มา : นิตยสารบ้านพร้อมอยู่